เรื่องเล่า Trekking Merapi Volcano, Indonesia แทร็กกิ้งภูเขาไฟเมราปี

เรื่องเล่า Trekking Merapi Volcano, Indonesia แทร็กกิ้งภูเขาไฟเมราปี

ภูเขาไฟเมราปี (Mount Merapi), ยอร์กยาการ์ต้า, เกาะชวา, ประเทศอินโดนีเซีย

ภูเขาไฟเมราปี ภูเขาไฟมีพลังของอินโดนีเซีย เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ตูนมีโอกาสได้ไปเที่ยวอินโดนีเซีย และภูเขาไฟเมราปีเป็นส่วนหนึ่งของทริปนั้น ในส่วนนี้เป็นส่วนขอการ แทร็กกิ้ง นับว่าเริ่มต้นการปีนครั้งแรกๆก็โหดเลย มาดูกันดีกว่าว่ายังไง เริ่มแรกขอให้ข้อมูลคราวๆของภูเขาไฟลูกนี้ก่อน

ภูเขาไฟเมราปี (Mount Merapi) ตั้งอยู่บนเกาะชวาตอนกลาง บริเวณของเขตปกครองพิเศษยอร์กยาการ์ต้า ที่ตั้งของบุโรพุทโธที่อยู่ใกล้ๆกัน ความหมายของเมราปี คือ เมรุ แปลว่าเขา อาปี แปลว่าไฟ จึ่งแปลว่าภูเขาแห่งไฟ นั้นก็คือยังคงเป็นภูเขาไฟที่มีพลัง เป็นภูเขาไที่ปะทุบ่อยอยู่เหมือนกัน ตามที่ไกด์บอกคือทุกๆ 5-6ปีจะเกิดการปะทุ พ่นลาวาออกมา พ่นควันออกมาสูง1.5กิโลเมตร ปี2553 ฝุ่นควันปกคลุมไปทั่วเกาะชวา ควันบางส่วนไกลมาถึงไทย คิดดูมันต้องแรงขนาดไหน ไกลมาเป็นพันกิโล และภูเขาไฟเมราปีนี่แหละที่ทำให้บางส่วนของบุโรพุทโธจมลงไปใต้ดินเพราะลาวาไหลมาท่วมตัววัด

 

วิธีการเดินทาง 

1.ไปด้วยตัวเองโดยขึ้นรถประจำทางจากตัวเมืองยอร์กยาการ์ต้าได้ ไปตีนภูเขาไฟ แล้วเดินขึ้นไปเอง (ซึ่งไม่แนะนำ)


2.ไปกับ Local Tour ซึ่งหาได้ตามถนนในตัวเมืองยอร์กยาการ์ต้า ราคา350,000 รูเปีย และค่าไกด์ 150,000 รูเปีย รวมแล้ว 500,000 รูเปีย หรือ1200-1300บาท จริงๆแล้ว มันมีหลายเจ้ามากเลยนะ แล้วแต่จะต่อรองเลย บางเจ้ารวมทุกอย่างแล้ว บางเจ้าก็จะแยกค่าไกด์ออก ซึ่งยังไงก็ต้องจ่ายค่าไกด์ เพราะบังคับ ไกด์ 1 คน ต่อ นักท่องเที่ยว 3-4คน 

 

เริ่มต้นแทร็กกิ้ง

เริ่ม รถตู้จะมารับที่โฮสเทล ประมาณ 3 ทุ่ม และจะไปถึงออฟฟิตใกล้ๆภูเขาไฟเพื่อจะคุยกันก่อนว่าจะต้องยังไงบ้าง แล้วนั่งจน 5 ทุ่ม แล้วจากนั้นก็ไปอีกจุดคือร้าอาหารตรงตีนภูเขาไฟ  และเริ่มเดินจากร้านอาหารที่ปิดอยู่ สิ่งที่ต้องเตรียมไปเองคือ น้ำ ไฟฉาย(มีให้ยืมฟรี) น้ำคือควรเตรียมไปเยอะๆนะ แม่งเหนื่อยฉิบหาย 

เวลาที่ใช้คือ ขึ้น เที่ยงคืน และถึงบริเวณเกือบปากปล่อง ตอน ตี5 ถ้าอยากดูควันพุ่งๆ ให้ไต่หินไปอีกซึ่งชัดมาก อีกประมาณ 1 ชั่วโมง และประมาณ 8 โมงก็ลงได้แระ เพราะจะต้องถึงทาขึ้นตอนบ่ายโมง

เรื่องเล่า

ระหว่างทาคือชันมาก แล้วทางไม่ดีเลย นักท่องเที่ยวน้อย เท่าที่เห็นคือไม่ถึง 150 คนอะ คนไทยไม่ค่อยรู้จัก อาจจะรู้จักแต่ไม่ไปหรอก เพราะยังไม่ฮิต ระหว่างทางขึ้นจะเห็นภูเขาไฟที่ดับแล้วรอบๆ 2 ลูกมั่ง สวยดีและเมืองสุราการ์ต้า 

ในทริปนี้มีนักท่องเที่ยวหลายชาติมาก สเปน เยอรมัน จีน อังกฤษ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ ปาเลนสไตน์ ไทย มิตรภาพมันเริ่มได้ไม่ยากหรอกแค่ทักทาย หวัดดี ชื่ออะไรหรอ มาจากไหน แค่นี้ก็รู้จักกันแล้ว แต่ประทานโทษลืมชื่อหมดแล้ว นานแล้วแต่ใบหน้าท่าทางรอบยิ้มยังจำได้หมด มีเฟซบุ๊คด้วยแต่ด้วยเพราะเค้าเป็นฝรั่งเค้าเลยไม่ค่อยอัฟเดทอะไรนานๆก็ทักกันทีนึง แต่ลืมชื่ออะ ระหว่างทางเดินๆไปเค้าจะให้เราพักไปด้วยนะ เพราะชันมันเหนื่อยมาก ในทริปที่บอกว่ามีคนจีน คือเค้าเป็นแม่ลูกกัน ลูกชายพาแม่มาเที่ยวแม่อายุ 50 กว่าๆ แล้ว อาศัยที่ปักกิ่ง สนใจอยากเดินเขามั่งเลยซื้อ One Night Trip มา เค้าแก่แล้วเลยขอไกด์คนนึงคอยพยุงแต่ก็ไหวแหละมีแรงอยู่ ใช้ไม้ค่อยๆไต่ๆ ก็จะช้ากว่าคนอื่นหน่อย เราก็เดินกับกรุ๊ปนี้มั่ง ตอนที่เมื่อยๆ คุณแม่พูดอังกฤษไม่ได้เลยต้องมีลูกชายช่วยแปล น่ารักทั้งแม่ทั้งลูกเลย คอยพยุงๆกันไป แม่บอกว่ายังไงฉันก็ต้องไปให้ได้ ไหนๆก็มาแล้ว คนอื่นทำได้ฉันต้องทำได้ เออ ไป สุดท้ายก็ไปถึงบริเวณทรายละเอียดๆก่อนถึงปล่อง เพราะเค้าไม่ไหวแล้ว ก็คือมาถึง จุดบนสุดแล้วนั้นแหละ แล้วเค้าก็นอนดูพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนลูกชายก็เดินต่อ ปีนต่อจะไปดูควันตรงปากปล่องภูเขาไฟ 

เราเองประสบการณ์ก็ไม่มีเดินยากๆก็ครั้งแรก ไม่เหมือนเข้าอื่นๆในไทยนะ ของไทยถึงแม้จะชันแต่ทางก็ทำให้เดินสะดวก อันนี้คือมีทางก็บุญแล้ว แต่กูไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะลืม ไม่มีไรมาก ทางเดินไม่สวยอะถ่ายไม ถ่ายวิวดีว่า ตอนไต่นะ ต้องค่อยๆใช้มือจับแล้วด้วยความเป็นทรายละเอียดไง เหยียบไปก็จมเดินก็ยาก เหนื่อยก็เหนื่อย ไกด์บอกให้ไปตรงหินๆจะเดินง่าย ก็ไม่ง่ายไปกว่ากันตรงกินจับไปก็หลุด เหยียบไปแข็งก็จริงแต่ถ้าตรงไหนลื่นหน่อยก็กลิ้งหลุดหมด สรุปยากมาก ไต่นะไม่ได้เดินธรรมดาชันยิ่งกว่า 60 องศาอีก 

เราไปถึงจะท้ายสุดแหละ พอเห็นควันไฟก็หายเหนื่อยทันที พักกินน้ำด้วย คือปากปล่องไม่มีไรกั้นเลย แล้วตกลงไปเป็นเหว ตกลงไปคือต้องโทรเรียก ฮอร์มารับเท่านั้น เพราะลึกมาก ไม่ก็ตายห่าไปเลย ย้ำไม่มีไรกั้นต้องเกาะดีดี คนเกาะระวังมากๆ เพราะอันตราย เราก็ทำตาม ใกล้ๆมีเหมือนกระท่อมเล็กๆมีกล้องอยู่ กล้องนั้นใช้ส่องดูว่า ภูเขาไฟนั้นจะปะทุไหม ต้องอพยพคนไหม ภูเขาไปปะทุบ่อยไง เลยตั้งกล้องกันเลย วิวก็สวยมาก มีควัน มีเสียงของภูเขาไฟด้วย ฟู่ ฟู่ เบาๆ อากาศก็เย็นสบายดีมาก ใส่เสื้อขนเป็ดชมลมชมวิวสบายๆ  

ค่อยๆไต่ๆ กูอยากไปดูข้างๆไงเลยค่อยๆไต่ๆขยับนิดๆ กับคนจีนไปดูกัน ก็สนุกดีนะ กลัวตายก็กลัวตายเพราะอีกฝั่งเป็นเหว อีกฝั่งก็เป็นหินกลิ้งไปก็หัวแตก ตกไปก็ตาย

เอาแหละ อยู่ได้ไม่นาน อยู่แค่ชั่วโมงเดียวเองเพราะต้องลงเดียวไม่ทันเวลา ชั่วโมงเดียวก็ไม่คุ้มหรอก ชะโงกดูปล่องยังไงสะใจเลย ไกด์ก็บกว่าถ้าช้ากว่านี้จะร้อน และจะไปไม่ทันเวลา

ขาลงกูก็เดินกับคนเยอรมัน เพราะวานให้เค้าถ่ายรูปให้ไป เค้ามีแค่โกโปร เรามีกล้อง เลยแลกกันถ่าย เค้ามากันสองคนเป็นคู่รักกันออกเดินทางเที่ยวด้วยกัน น่ารักมาก ผู้ชายก็ดีผู้หญิงก็สวย มาจากเมืองโคโลญ พวกเราก็เดินคุยๆกันลงมา เมคเฟรนไง เอาไว้มีโอกาสคงไปหสที่เยอรมันบ้าง เค้าให้เฟซบุ๊คไว้แต่พอดีลืมชื่อไปแระ 

ระหว่างทางลงก็มีแม่ลูกจีนเดินลงมา อันนี้มีดราม่า ตอนนั้นพักกัน แม่เอาทิชชู่เช็ดหน้าแล้วโยนทิ้ง เอาขนมมากินแล้วทิ้งเลย ลูกชายก็น่าจะบอกว่าอย่าทิ้ง เพราะเห็นชี้ๆ แล้วแม่ก็เถียง เดาว่า คนอื่นก็ทำกัน นี้ไง นั้นไงเพราะเห็นว่ามีขยะเยอะอยู่ ลูกชายเลยหยิบของที่แม่ทิ้งลงกระเป๋าตัวเอง

มาตรงนี้ เราเลยคิดว่า คนจีนบางส่วนเอง ก็ตระหนักถึงมารยาทของตัวเอง ดูจากลูกชายที่ไม่ให้แม่ทิ้งขยะลงพื้น ส่วนแม่ก็ยังนิสัยนักท่องเที่ยวจีนที่ชอบทำมารยาทไม่ดี เค้าก็ดีแหละแต่เรื่องนี้เอง เพราะคุยกะเราอัธยาศัยดีหมด คุยผ่านลูกนะ 

เออ ลืมเล่าในทริปมีคนปาเลสไตน์ โคตรน่ารำคาญ คุยโวเสียงดัง เดินๆไปครึ่งทางลงแระไกด์ก็ปวดหัวต้องลงมาด้วยแต่เค้าก็บอกว่าไม่ต้องๆฉันลงเองได้ ไกด์ก้กลัวม่ีปัญหาต้องลง แล้วยังไง สรุปไกด์คนนึงต้องดูแลคนมากขึ้นไปอีก น่ารำคาญสุดแต่ก็ดีใจนะที่ลงๆไปก่อน

 

ประมาณนี้ เล่าเรื่องไม่ค่อยสนุกเลยอะ 

และภาพของการ  Trekking Merapi